หลักการทำลายเชื้อและการทำให้ปราศจากเชื้อ
ตอนที่ 2 #หลักการทำลายเชื้อและการทำให้ปราศจากเชื้อ
...........................................................................
หลักการทำลายเชื้อและการทำให้ปราศจากเชื้อ
(Principle of Disinfection and Sterilization)
การทำลายเชื้อและการทำให้ปราศจากเชื้อเป็นองค์ประกอบที่สำคัญยิ่งในการป้องกันการติดเชื้อใน
เครื่องมือแพทย์ที่ใช้ในการตรวจรักษา ที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้
ดังนั้นเครื่องมือที่นำมาใช้ซ้ำต้องได้รับการทำลายเชื้อหรือทำให้ปราศจากเชื้ออย่างมีประสิทธิภาพ
ตามมาตรฐานที่กำหนด เพื่อความปลอดภัยของผู้ป่วย
ส่วนข้อมูลหลักฐานยืนยันทีเป็นที่ไปที่มาของเรื่องเหล่านี้คือ
1.ข้อมูลจากการสอบสวนการระบาดของการติดเชื้อในโรงพยาบาล
แสดงให้เห็นว่า
การทำลายเชื้อและการทำให้ปราศจากเชื้อเครื่องมือแพทย์ปราศจากเชื้อที่มีประสิทธิภาพส่งผลกระทบต่อผู้ป่วย
ดังรายงานการสอบสวนการระบาดของเชื้อ Pseudomonas
aeruginosa ในผู้ป่วยหลังการผ่าตัดด้วยการส่องกล้อง arthroscope
โดย Tosh และคณะ1ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี ค.ศ. 2009 พบผู้ป่วยเกิดการติดเชื้อ 7
ราย สาเหตุของการติดเชื้อเกิดจากกระบวนการการจัดการกล้องส่องตรวจไม่เหมาะสม
ตั้งแต่กระบวนการล้างที่ไม่มีการใช้แปรงทำความสะอาดภายในท่อของกล้อง
ทำให้พบเนื้อเยื่อตกค้างอยู่
นอกจากนี้ยังพบว่าโรงพยาบาลมีการทำให้กล้องปราศจากเชื้อโดย flash
sterilizer และมีการแช่กล้องในน้ำยาทำลายเชื้อ องค์การอาหารและยา (FDA)
จึงได้แนะนำให้โรงพยาบาลต่างๆ
ในประเทศสหรัฐอเมริกามีการตรวจสอบความสะอาดภายในกล้อง arthroscope และเลือกใช้วิธีการทำให้ปราศจากเชื้อตามคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิต
2. ข้อมูลจากรายงานของอุบัติการณ์การติดเชื้อจากการทำเครื่องมือทันตกรรม2 ให้ปราศจากเชื้อที่ล้มเหลว
คลินิกทันตกรรมในฮ่องกง ปี ค.ศ. 2013 พบว่า บุคลากรไม่ได้ตรวจสอบตัวบ่งชี้การทำให้ปราศจากเชื้อทางเคมีภายนอกของห่อเครื่องมือ
ซึ่งยังไม่ผ่านกระบวนการทำให้ปราศจากเชื้อและถูกนำไปใช้กับผู้มารับบริการจำนวน 250 ราย ทำให้คลินิกทันตกรรมต้องติดตามผู้มารับบริการกลับมา
เพื่อตรวจหาการติดเชื้อ โดยการเจาะเลือดหาเชื้อ HBV, HCV, HIV จำนวน 248 ราย พบว่า 247 ราย จะต้องได้รับภูมิคุ้มกัน
และมีการติดตามอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 6 เดือน
เพื่อให้มั่นใจว่าผู้รับบริการปลอดภัย
3.ข้อมูลจากรายงานการพบ
Toxic Anterior Segment Syndrome (TASS)3 ในผู้ป่วยผ่าตัดต้อกระจกจำนวน
6 ราย สาเหตุเกิดจากการจัดการเครื่องมือที่ไม่ถูกต้อง
มีการนำเครื่องมือแช่ใน 2% Glutaraldehyde ก่อนนำไปทำให้ปราศจากเชื้อโดยการนึ่งไอน้ำ
เป็นผลทำให้ผู้ป่วยต้องกลับมาผ่าตัด Keratoplasty Tarbeculectomy และใส่ Glaucoma tube implantation
นอกจากนั้นแล้วทีมวิจัยของ
Dancer และคณะ4 ได้สอบสวนการระบาดของการติดเชื้อที่ตำแหน่งผ่าตัดชนิดแผลสะอาดของสถานพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ
ในผู้ป่วยผ่าตัดกระดูกและใส่เครื่องมือเข้าในร่างกายและผู้ป่วยผ่าตัดตา
ช่วงระยะเวลา 10 เดือน ในปี ค.ศ. 2011
พบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อบริเวณแผลผ่าตัดจากการผ่าตัดกระดูก 15
ราย และติดเชื้อจากการผ่าตัดตา 5 ราย ส่วนใหญ่เป็นเชื้อ coagulase-negative
staphylococci (CoNS) และBacillus spp. ซึ่งพบทั้งในผู้ป่วยและห่อเครื่องมือผ่าตัด
เนื่องจากขาดการจัดการที่ดีเกี่ยวกับบริเวณทำให้เครื่องมือแพทย์ปราศจากเชื้อ เช่น
โครงสร้างที่ไม่เหมาะสม มีฝุ่นละออง ผู้ปฏิบัติงานไม่สวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล
และไม่ล้างมือก่อนหยิบจับห่อเครื่องมือแพทย์ที่ผ่านการทำให้ปราศจากเชื้อแล้ว
หลักการทำลายเชื้อและการทำให้ปราศจากเชื้อ
(Principle of Disinfection and Sterilization)จะต้องเริ่มต้นทำความเข้าใจเรื่องของการแบ่งกลุ่มเครื่องมือแพทย์
คือ
การแบ่งกลุ่มเครื่องมือแพทย์ (Spaulding Classification)
Earle H.
Spaulding ได้แบ่งเครื่องมือแพทย์ออกเป็น 3
กลุ่ม ตามลักษณะการสัมผัสของเครื่องมือแพทย์กับอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย
และความเสี่ยงต่อการทำใหเกิดการติดเชื้อ ดังนี้
1.
เครื่องมือแพทย์กลุ่มวิกฤต
(Critical Items)
2.
เครื่องมือแพทย์กลุ่มกึ่งวิกฤต
(Semi-Critical Items)
3.
เครื่องมือแพทย์กลุ่มไม่วิกฤต
(Non-Critical Items)
1.
เครื่องมือแพทย์กลุ่มวิกฤต
(Critical Items)
เครื่องมือแพทย์ที่ต้องสอดใส่เข้าสู่เนื้อเยื่อหรือเข้าสู่กระแสโลหิต
ได้แก่ เครื่องมือผ่าตัด เข็ม อวัยวะเทียม สายสวนหัวใจ สายสวนปัสสาวะ
เมื่อต้องนำกลับมาใช้ใหม่ต้องเข้าสู่กระบวนการทำให้ปราศจากเชื้อเพื่อทำลายสปอร์ของเชื้อจุลชีพด้วยวิธีการใช้ความร้อนสูง
ในกรณีที่เครื่องมือแพทย์ไม่สามารถทนความร้อนสูงได้ เช่น
เครื่องมือแพทย์ที่ทำด้วยพลาสติกหรือเคลือบด้วยพลาสติก
จะต้องทำให้ปราศจากเชื้อด้วยวิธีการใช้อุณหภูมิต่ำ ได้แก่ การอบแก๊สเอทธิลีนออกไซด์หรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์
2.
เครื่องมือแพทย์กลุ่มกึ่งวิกฤต
(Semi-Critical Items)
เครื่องมือแพทย์ที่ต้องสัมผัสกับเยื่อบุของร่างกาย (Mucous Membrane) หรือผิวหนังที่มีบาดแผล มีรอยถลอก
ได้แก่ อุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจ อุปกรณ์ดมยาสลบ เป็นต้น ต้องทำลายเชื้อระดับสูง (High-Level
Disinfection) เป็นอย่างน้อย หรือควรทำให้ปราศจากเชื้อ (Sterilization)
3.
เครื่องมือแพทย์กลุ่มไม่วิกฤต
(Non-Critical Items)
เครื่องมือแพทย์ที่สัมผัสกับผิวหนังที่ไม่มีบาดแผลหรือรอยถลอก
และไม่ได้สัมผัสกับเยื่อบุของร่างกาย รวมทั้งพื้นผิวสิ่งแวดล้อม ได้แก่
เครื่องวัดความดันโลหิต ราวกั้นเตียง โต๊ะข้างเตียง หม้อนอน เป็นต้น
ทำลายเชื้อโดยใช้น้ำยาทำลายเชื้อระดับต่ำ (Low-Level
Disinfection)
ตอนที่ 3 #กลุ่มเครื่องมือแพทย์และวิธีการจัดการตาม Spaulding
Classification
กลุ่มเครื่องมือแพทย์และวิธีการจัดการตาม
Spaulding Classification
Critical Items (เครื่องมือแพทย์ที่สอดใส่เข้าสู่เนื้อเยื่อหรือเข้าสู่กระแสโลหิต)
ตัวอย่างเช่น: เครื่องมือผ่าตัด,
อวัยวะเทียม และอุปกรณ์สำหรับตรวจชิ้นเนื้อต่างๆ (Biopsy)
วิธีการจัดการ: การทำให้ปราศจากเชื้อ (Sterilization)
Semi-Critical Items
(เครื่องมือแพทย์ที่สัมผัสกับเยื่อบุของร่างกาย [Mucous Membrane] หรือผิวหนังที่มีบาดแผล มีรอยถลอก)
ตัวอย่างเช่น: อุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจ, อุปกรณ์ดมยาสลบ, Tonometer
วิธีการจัดการ การทำลายเชื้อระดับสูง (High-Level Disinfection) เป็นอย่างน้อย
หรือควรทำให้ปราศจากเชื้อ (Sterilization)
Non-Critical Items
(เครื่องมือแพทย์ที่สัมผัสกับผิวหนังที่ปกติ ไม่มีบาดแผลหรือรอยถลอก)
ตัวอย่างเช่น: เครื่องวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
(ECG), สายพันแขนวัดความดัน (BP Cuff)
วิธีการจัดการ: การทำลายเชื้อระดับต่ำ
(Low-Level Disinfection)
การจัดการเครื่องมือแพทย์หลังการใช้งานกับผู้ป่วย
การทำความสะอาด (Cleaning)
การทำความสะอาด หมายถึง การขจัดอินทรียสาร สิ่งสกปรก
ฝุ่นละอองและสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ออกจากเครื่องมือแพทย์และสิ่งแวดล้อม
การทำความสะอาดเครื่องมือแพทย์อย่างเหมาะสม เป็นขั้นตอนแรกในกระบวนการทำลายเชื้อ
และการทำให้ปราศจากเชื้อสำหรับเครื่องมือแพทย์ที่จะต้องนำกลับมาใช้กับผู้ป่วยอีก
วิธีการทำความสะอาดเครื่องมือแพทย์ สามารถดำเนินการได้ 3 วิธี คือ การล้างด้วยมือ (Manual Cleaning) การล้างด้วยเครื่อง Ultrasonic Cleaner)
และการล้างด้วยเครื่องล้าง (Washer Disinfector)
การทำลายเชื้อ (Disinfection)
การทำลายเชื้อ หมายถึง
การขจัดเชื้อจุลชีพที่ปนเปื้อนบนเครื่องมือแพทย์ หรือบนพื้นผิวต่างๆ
โดยไม่สามารถทำลายสปอร์ของเชื้อจุลชีพหรือพรีออน
การทำลายเชื้อทำได้โดยวิธีการทางกายภาพ เช่น การใช้ความร้อนและวิธีการทางเคมี
โดยใช้น้ำยาทำลายเชื้อ
ระดับการทำลายเชื้อ (Level of Disinfection) มี 3
ระดับ คือ
การทำลายเชื้อระดับต่ำ (Low-Level Disinfection) การทำลายเชื้อระดับต่ำ สามารถทำลายเชื้อแบคทีเรีย
เชื้อไวรัสและเชื้อราบางชนิด แต่ไม่สามารถทำลายเชื้อที่มีความคงทน เช่น Tubercle
bacilli หรือสปอร์ของเชื้อแบคทีเรียได้ การทำลายเชื้อวิธีนี้เหมาะสำหรับใช้กับเครื่องมือแพทย์กลุ่มไม่วิกฤต
น้ำยาทำลายเชื้อระดับต่ำ ได้แก่ Quaternary Ammonium Compounds, Iodophors และ Phenolics
การทำลายเชื้อระดับกลาง (Intermediate-Level Disinfection) น้ำยาทำลายเชื้อระดับกลางไม่สามารถทำลายเชื้อแบคทีเรียได้ แต่สามารถทำลายเชื้อ
M.tuberculosis var.bovis น้ำยาทำลายเชื้อระดับกลาง
ได้แก่ แอลกอฮอล์ (70-90% Ethanol หรือ Isopropanol), Chlorine Compound,
Phenolic, Iodophor แม้ว่าน้ำยาทำลายเชื้อระดับกลางจะมีประสิทธิภาพในการทำลายเชื้อไวรัสได้อย่างกว้างขวาง
แต่ไม่สามารถทำลายเชื้อไวรัสได้ทุกชนิด
จึงควรศึกษาข้อมูลจากคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด
การทำลายเชื้อระดับสูง (High-Level Disinfection) น้ำยาทำลายเชื้อระดับสูงสามารถทำลายเชื้อแบคทีเรีย
เชื้อไวรัสทุกชนิด เชื้อราและเชื้อไมโครแบคทีเรีย เช่น M.tuberculosis ซึ่งเป็นเชื้อแบคทีเรียที่มีความทนทานต่อน้ำยาทำลายเชื้อมากที่สุดในกลุ่มเดียวกัน
แต่ไม่สามารถทำลายสปอร์ของเชื้อแบคทีเรียได้
การทำลายเชื้อระดับสูงเหมาะกับการทำลายเชื้อในเครื่องมือกลุ่มกึ่งวิกฤต (Semi-Critical)
น้ำยาทำลายเชื้อระดับสูง ได้แก่ ≥2% Glutaraldehyde, 0.2% Peracetic Acid, 7.5% Hydrogen Peroxide และ 0.55% Ortho-phthalaldehyde
ตารางแสดงตัวอย่างน้ำยาทำลายเชื้อระดับสูง
น้ำยาทำลายเชื้อระดับสูง |
อุณหภูมิและระยะเวลาในการทำลายเชื้อระดับสูง |
อุณหภูมิและระยะเวลาในการทำให้ปราศจากเชื้อ |
7.5% Hydrogen
Peroxide |
อุณหภูมิ 20OC ระยะเวลา 30
นาที |
อุณหภูมิ 20OC ระยะเวลา 6
ชั่วโมง |
0.2%
Peracetic Acid |
- |
อุณหภูมิ 50-56OC ระยะเวลา 12
นาที |
≥ 2% Glutaraldehyde |
อุณหภูมิ 20-25OC ระยะเวลา 20-90
นาที |
อุณหภูมิ 20-25OC ระยะเวลา 10
ชั่วโมง |
0.55% Ortho-Phthalaldehyde
(OPA) |
อุณหภูมิ 20-25OC ระยะเวลา 5 นาที |
- |
7.35%
Hydrogen Peroxide/ 0.23%
Peracetic Acid |
อุณหภูมิ 20OC ระยะเวลา 15
นาที |
อุณหภูมิ 20OC ระยะเวลา 3
ชั่วโมง |
ดัดแปลงจาก
APSIC.(2017); Methods of Disinfection for Semi-Critical Medical
Equipment/Devices p.67
ตารางแสดงลำดับความทนทานของเชื้อจุลชีพและระดับการทำลายเชื้อ
ความทนทาน |
เชื้อจุลชีพ |
ระดับการทำลายเชื้อ |
มากที่สุด |
Prion
(Creutzfeldt-jakob disease) |
Prion
reprocessing |
|
Bacterial
spores (C.difficile) |
Sterilization |
|
Mycobacteria |
High
level Disinfection |
|
Small,
Non-Enveloped Viruses (HPV, Polio, EV-D68) |
Intermediate-level
Disinfection |
|
Fungal
spores (Aspergillus, Candida) |
Intermediate-level
Disinfection |
|
Gram-Negative
bacilli (Acinetobacter) |
Intermediate-level
Disinfection |
|
Vegetative
fungi and algae |
Low-level
disinfection |
|
Large,
non-enveloped viruses |
Low-level
disinfection |
|
Gram-positive
bacteria (MRSA, VRE) |
Low-level
disinfection |
น้อยที่สุด |
Enveloped
viruses (Ebola, MERS-CoV) |
Low-level
disinfection |
ดัดแปลงจาก
CDC.(2017) Guideline for Disinfection and Sterilization in
Healthcare Facilities p.11
...........................................................................
ตอนที่ 1 นิยามศัพท์: หลักการทำลายเชื้อและการทำให้ปราศจากเชื้อ
ตอนที่ 2 หลักการทำลายเชื้อและการทำให้ปราศจากเชื้อ
ตอนที่ 3 การทำให้ปราศจากเชื้อ วิธีการทางกายภาพ (Physical Method)
ตอนที่ 4 การทำให้ปราศจากเชื้อ วิธีการทางเคมี (Chemical Method)
ตอนที่ 5 การทำความสะอาดเครื่องมือแพทย์ (Cleaning of Medical Devices)
ตอนที่ 6 การเลือกใช้สารทำความสะอาด (Detergent)