◉ โพสต์ ล่าสุด New Post

จะมีแนวทางปฏิบัติต่อเครื่องมือที่พบปัญหาหลังการนึ่งฆ่าเชื้ออย่างไร

แนวทางปฏิบัติต่อเครื่องมือที่พบปัญหาหลังการนึ่งฆ่าเชื้อ

เมื่อพบเครื่องมือหรือชุดเครื่องมือที่มีปัญหาหลังจากการนึ่งฆ่าเชื้อ ขั้นตอนปฏิบัติที่แนะนำตามมาตรฐานสากลและแนวทางวิชาชีพ ได้แก่:

  • แยกและกักเครื่องมือที่มีปัญหาออกทันที: นำชุดเครื่องมือที่พบปัญหา (เปียก, Indicatorไม่เปลี่ยนสี, ห่อชำรุด, มีคราบสนิม ฯลฯ) แยกออกจากชุดปลอดเชื้ออื่นๆ ในคลัง ไม่แจกจ่ายให้ห้องผ่าตัดใช้งาน. ผู้ใช้หรือพยาบาลควรตรวจสอบแพ็คเกจก่อนเปิดใช้งานทุกครั้ง และหากพบความผิดปกติให้ส่งคืนชุดนั้นไปยังหน่วยงานจ่ายกลางทันที[6]. การแยกกักนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ชุดที่อาจปนเปื้อนเผลอนำไปใช้กับผู้ป่วยโดยไม่ได้ตั้งใจ.

  • ส่งคืนเพื่อทำการ Reprocessing (ทำความสะอาดและนึ่งใหม่): ทุกกรณีของชุดที่มีปัญหาต้องผ่านกระบวนการทำให้ปราศจากเชื้อใหม่ทั้งหมดก่อนนำกลับมาใช้:

  • กรณีชุดเปียกชื้น: ให้ทำการเปิดหีบห่อชุดนั้นออกทั้งหมด (เนื่องจากหีบห่อเดิมเปียกและปนเปื้อนไปแล้ว) แล้วนำเครื่องมือภายในไปทำความสะอาด, ทำให้แห้ง และห่อ/บรรจุใหม่ จากนั้นนึ่งฆ่าเชื้อซ้ำอีกครั้งทั้งชุด[11]. ห้ามใช้ชุดที่เปียกโดยไม่ reprocess ใหม่. หลังจากนั้นควรตรวจสอบหาสาเหตุของความชื้น (เช่น ปริมาณโหลดในเครื่องนึ่ง, การจัดวางชุด, คุณภาพไอน้ำ, หรือเวลาการทำให้แห้ง) เพื่อแก้ไขไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำ[12].

  • กรณี Chemical Indicator ไม่เปลี่ยนสี: ควรเปิดชุดนั้นและนำเครื่องมือทั้งหมดกลับไปล้างทำความสะอาดและนึ่งฆ่าเชื้อใหม่ (reprocess) ทันทีที่ตรวจพบปัญหา[5]. หากตรวจพบในหน่วยจ่ายกลาง (SPD) ก่อนส่งใช้งาน ก็ให้ reprocess ก่อนที่จะปล่อยชุดออกไป[13]; หากตรวจพบโดยห้องผ่าตัด (เช่น พบรอยสติ๊กเกอร์ไม่เปลี่ยนสีเมื่อจะใช้งาน) ให้ส่งคืนชุดดังกล่าวไปยังแผนกทำลายเชื้อและ งดใช้เครื่องมือชุดนั้นกับผู้ป่วยเด็ดขาด[5]. นอกจากนี้ ควรมีการรายงานปัญหาและพิจารณาว่าจะต้องเรียกคืนชุดอื่นในโหลดเดียวกันหรือไม่ โดยอ้างอิงจากข้อมูลการตรวจวัดอื่น ๆ เช่น ผล Biological Indicator และข้อมูลการทำงานของเครื่องนึ่งในรอบนั้นๆ ตามที่ AAMI ST79 แนะนำ[4]. (โดยทั่วไป หากมี CI ล้มเหลวเพียงอันเดียวและไม่มีสัญญาณความผิดปกติอื่น การ reprocess เฉพาะชุดนั้นก็มักเพียงพอ แต่ควรตรวจสอบเทคนิคการโหลดและสาเหตุแวดล้อมด้วย).

  • กรณีหีบห่อ/ภาชนะบรรจุเสียหาย: ให้นำเครื่องมือออกจากหีบห่อที่ชำรุดนั้นอย่างระมัดระวัง (ถือว่าเครื่องมืออาจไม่ปลอดเชื้อแล้ว) และส่งไปทำความสะอาด-นึ่งใหม่ทั้งหมดด้วยบรรจุภัณฑ์ใหม่ที่สมบูรณ์[6]. หากเป็นกล่องเครื่องมือผ่าตัดชนิดแข็ง (rigid container) ที่พบว่าไม่ได้ปิดสนิทหรือซีลหลุด ควรตรวจสอบอุปกรณ์ซีลและแผ่นกรองของกล่องนั้น, ทำความสะอาดเปลี่ยนอุปกรณ์ที่จำเป็น แล้วนำเครื่องมือกลับไปทำการนึ่งใหม่. อย่านำชุดที่บรรจุภัณฑ์เสียหายไปใช้งานโดยตรง.

  • กรณีพบสนิมหรือการกัดกร่อนบนเครื่องมือ: นำเครื่องมือชิ้นนั้นออกจากการใช้งานทันที และแยกออกมาเพื่อตรวจสอบสภาพโดยละเอียด. ตามแนวทางของ AKI และ AAMI ควรส่งเครื่องมือดังกล่าวเข้าสู่โปรแกรมซ่อมบำรุง: ทำความสะอาดสนิมออก (เช่น โดยการขัดหรือล้างด้วยน้ำยาขจัดสนิมที่เหมาะสม) และทำการปรับสภาพผิว (re-passivation) ถ้าเป็นไปได้ โดยดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ผลิตเครื่องมือ[7]. หลังการซ่อมแล้วจึงนำไปทำให้ปราศจากเชื้อใหม่ก่อนใช้งาน. หากเครื่องมืออยู่ในสภาพที่ไม่อาจซ่อมให้ปลอดสนิมได้ (เช่น มีการกัดกร่อนรุนแรง, เป็นสนิมลึก) ควรพิจารณาทำลายหรือปลดระวางเครื่องมือนั้น ไม่ใช้นำกลับมาอีก เพราะสนิมสามารถลุกลามไปยังเครื่องมืออื่น (“secondary rust”) และเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคได้[14]. สำหรับชุดเครื่องมือที่เหลือซึ่งอยู่ร่วมชุดกับเครื่องมือที่มีสนิม ควรตรวจสอบว่าไม่มีคราบสนิมหรือติดสนิมตามไปด้วยก่อนใช้งาน (สนิมสามารถปลิวหรือติดไปบนเครื่องมือสเตนเลสอื่นได้ในระหว่างการนึ่ง) และควรตรวจสอบคุณภาพน้ำ, ผงซักฟอก, และขั้นตอนการอบแห้งที่ใช้ในกระบวนการทำความสะอาด/ฆ่าเชื้อด้วย เพราะน้ำที่มีสนิมหรือแร่เหล็กเจือปนสามารถทำให้เกิดจุดสนิมบนเครื่องมือได้[15][16].

  • กรณีคราบตะกรันแร่หรือคราบออกซิไดซ์: เครื่องมือที่มีคราบหินปูน, คราบแร่ธาตุจากไอน้ำ, หรือคราบสีรุ้ง/คล้ำจากการออกซิเดชัน ควรถูกนำไป ทำความสะอาดซ้ำ เพื่อกำจัดคราบเหล่านั้นออกให้หมด เนื่องจากคราบเหล่านี้ไม่ควรหลงเหลือบนเครื่องมือสำหรับใช้กับผู้ป่วย. ควรล้างด้วยน้ำยาและน้ำคุณภาพสูง (น้ำปราศจากแร่ธาตุ) เพื่อขจัดคราบ พร้อมทั้งตรวจสอบว่าเครื่องล้างทำงานปกติและน้ำที่ใช้มีความกระด้างไม่สูงเกินมาตรฐาน. หลังจากคราบถูกกำจัดและเครื่องมือผ่านการตรวจสอบความสะอาดแล้ว จึงนำไปนึ่งฆ่าเชื้อใหม่อีกครั้งก่อนนำมาใช้. นอกจากนี้ ควรแก้ไขที่ต้นเหตุ เช่น ปรับปรุงคุณภาพน้ำที่ใช้ล้างและนึ่ง (มาตรฐาน AAMI ST79 กำหนดให้มีการใช้น้ำบริสุทธิ์สำหรับขั้นตอนล้างสุดท้ายและไอน้ำต้องปราศจากสิ่งสกปรกเพื่อป้องกันคราบแร่และสนิมตกค้าง[17]), ตรวจสอบการใช้น้ำยาหรือน้ำยาเคลือบป้องกันสนิม (instrument milk) ตามความเหมาะสม, และให้เครื่องมือแห้งสนิทก่อนบรรจุหีบห่อเพื่อป้องกันการเกิดคราบหรือสนิมจากความชื้น.

  • การตรวจสอบและยืนยันผลหลังการแก้ไข: หลังจากทำการ reprocessing หรือซ่อมแซมเครื่องมือที่มีปัญหาแล้ว ควรตรวจสอบชุดเครื่องมือเหล่านั้นอย่างเข้มงวด ก่อนนำกลับมาใช้งาน เช่น ตรวจดูว่า Indicator เปลี่ยนสีถูกต้อง, ไม่มีความชื้นหลงเหลือ, หีบห่อสมบูรณ์, และเครื่องมืออยู่ในสภาพดีไม่มีคราบหรือสนิม. ควรบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและแนวทางแก้ไข เพื่อการปรับปรุงคุณภาพต่อเนื่องในระบบการทำให้ปราศจากเชื้อของโรงพยาบาล. มาตรฐานย้ำว่าการประกันคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญ – กรณีเกิดความล้มเหลว เช่น มีโหลดที่นึ่งแล้วพบปัญหา ผู้รับผิดชอบควรทบทวนขั้นตอนทั้งหมด หาสาเหตุรากเหง้า (root cause) และดำเนินการแก้ไขปรับปรุง (เช่น ฝึกอบรมการจัดเรียงเครื่องมือในหม้อนึ่ง, บำรุงรักษาเครื่องนึ่ง, ปรับคุณภาพน้ำ) เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีก[12][18].

อ้างอิงแหล่งข้อมูลตามมาตรฐานสากล: แนวทางทั้งหมดข้างต้นอ้างอิงจากมาตรฐาน ANSI/AAMI ST79 (แนวทางการทำให้ปราศจากเชื้อด้วยไอน้ำในสถานพยาบาล)[1][3], มาตรฐาน ISO 17665 (การพัฒนากระบวนการฆ่าเชื้อด้วยความร้อนชื้น ซึ่งกำหนดให้ผลิตภัณฑ์ต้องผ่านกระบวนการที่ทำให้มั่นใจว่าได้ระดับความปลอดเชื้อที่ต้องการ และชุดอุปกรณ์ต้องแห้งสนิทหลังการนึ่ง)[2], รวมถึงคำแนะนำของสมาคมวิชาชีพต่าง ๆ เช่นเอกสารของ AORN และคู่มือโดยกลุ่ม AKI (เยอรมนี) ที่มุ่งเน้นการรักษามูลค่าของเครื่องมือโดยการทำความสะอาดและบำรุงรักษาอย่างถูกวิธี[7][8]. แนวทางเหล่านี้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลและมีจุดมุ่งหมายเดียวกันคือลดความเสี่ยงการติดเชื้อและรักษาคุณภาพเครื่องมือผ่าตัดให้พร้อมใช้งานอย่างปลอดภัยสูงสุดสำหรับผู้ป่วย.

 

เอกสารอ้างอิง:

1. ANSI/AAMI ST79:2017 – Comprehensive guide to steam sterilization and sterility assurance in health care facilities (มาตรฐานสตีมสเตอริไลเซชัน)[1][3], [4], [5], [2]

2. ISO 17665 – Sterilization of health care products – Moist heat (มาตรฐานการทำให้ปราศจากเชื้อด้วยความร้อนชื้น)[2]

3. เอกสาร “Reprocessing of Instruments to Retain Value” โดย Arbeitskreis Instrumenten-Aufbereitung (AKI) ฉบับภาษาอังกฤษ ครั้งที่ 10 (2012) และครั้งที่ 11 (2017) – แนวทางการทำความสะอาดและดูแลรักษาเครื่องมือผ่าตัดให้ใช้งานได้นาน[7][14], [19]

4. แนวทางอื่น ๆ จากสมาคมวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง เช่น บทความฝึกอบรมของ HSPA (อดีต IAHCSMM) เรื่องการจัดการ Wet Packs[11] และบทความ Knowledge Center ของ Steris เกี่ยวกับการจัดการ Chemical Indicator ล้มเหลว[13][5] ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐานข้างต้น.

 ....................................................................................

[1] [3] [12] Slide 1

http://www.cmcgc.com/media/handouts/340329/0028_Wet%20Packs.pdf

[2] Which parameters must be validated during a steam sterilization validation?

https://www.nelsonlabs.com/which-parameters-must-be-validated-during-a-steam-sterilization-validation/

[4] [5] [13] [18] What if One Chemical Indicator Fails? | Knowledge Center

https://www.steris.com/healthcare/knowledge-center/sterile-processing/what-if-one-chemical-indicator-fails

[6] 3364-109-EQP-301 Sterility Assurance of Patient Care Items

https://onetray.com/app/uploads/2023/08/Policy-2.pdf

[7] [8] [14] [17] eventreg.purdue.edu

https://www.eventreg.purdue.edu/info/central-service/pdf/cis/CIS280.pdf

[9] [15] [16] [19] 8ad5d244-3245-4d36-bc7f-7e3589f4c29b.filesusr.com

https://8ad5d244-3245-4d36-bc7f-7e3589f4c29b.filesusr.com/ugd/e5e300_d8c2c54d2849453b89a265ae70443b19.pdf?index=true

[10] TOC

http://apic.org/Resource_/TinyMceFileManager/Implementation_Guides/19_SteamSterilizationProcessFailuresAndRecalls.pdf

[11] eventreg.purdue.edu

https://www.eventreg.purdue.edu/info/sterile-processing/pdf/crcst/crcst-202.pdf


◉ โพสต์ที่มีการดูมากที่สุด

การบริหารงานจ่ายกลาง (Central Sterile Supply Management)

การตรวจสอบประสิทธิภาพการทำให้ปราศจากเชื้อ Monitoring of Sterilization

การทำให้ปราศจากเชื้อด้วยการอบแก๊ส Ethylene Oxide (Eto)

◉ ดูข้อมูลเพิ่มเติม ตามหมวดหมู่เนื้อหา >>

แสดงเพิ่มเติม