WISCAN Electronic Bowie-Dick
เปรียบเทียบต้นทุนและจุดคุ้มทุนระหว่าง WISCAN Electronic Bowie-Dick กับ Bowie-Dick แบบกระดาษ
ในการพิจารณาเลือกใช้งาน Bowie-Dick Test เพื่อตรวจสอบประสิทธิภาพการไล่อากาศของเครื่องนึ่ง Autoclave มักมีการเปรียบเทียบระหว่าง
1. Bowie-Dick แบบกระดาษ (Conventional Bowie-Dick Test Pack)
2. Bowie-Dick แบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น WISCAN electronic Bowie-Dick
ประเด็นหลัก ๆ ที่ต้องพิจารณามีดังนี้
1. ต้นทุนเริ่มต้น (Initial Cost)
• Bowie-Dick แบบกระดาษ
• ต้นทุนเริ่มต้นต่ำกว่า (ซื้อเทสต์แพ็กเป็นรายครั้ง)
• ไม่ต้องลงทุนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือซอฟต์แวร์เพิ่มเติม
• เหมาะสำหรับหน่วยงานที่มีงบประมาณจำกัด หรือปริมาณการทดสอบไม่มาก
• WISCAN electronic Bowie-Dick
• ต้นทุนเริ่มต้นสูงกว่า เพราะต้องลงทุนในเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์และซอฟต์แวร์ (หากมีค่า License หรือค่าติดตั้งเพิ่มเติม)
• ต้องมีการเทรนนิ่งบุคลากร หรือการอบรมในการใช้งานและดูแลรักษา
• เหมาะสำหรับหน่วยงานที่มีปริมาณการทดสอบสูง และต้องการระบบที่สะดวก มีมาตรฐานในการเก็บข้อมูล
2. ต้นทุนต่อเนื่อง (Operating Cost)
• Bowie-Dick แบบกระดาษ
• ต้องจัดซื้อ “เทสต์แพ็ก” หรือแผ่นทดสอบกระดาษเป็นประจำทุกครั้งที่จะทดสอบ
• ค่าใช้จ่ายขึ้นอยู่กับจำนวนรอบการใช้งานเครื่องนึ่ง (Autoclave Cycles)
• เมื่อรอบการทดสอบมาก ต้นทุนโดยรวมในระยะยาวก็จะสูงขึ้นเรื่อย ๆ
• WISCAN electronic Bowie-Dick
• ไม่มีค่าซื้อแผ่นทดสอบกระดาษรายครั้ง
• แต่จะมีค่าซ่อมบำรุง (Maintenance) และอาจมีค่าต่อสัญญา (Subscription) หรือ Calibration ตามกำหนด
• ในระยะยาว ถ้ามีปริมาณการทดสอบสูงมาก ต้นทุนเฉลี่ยต่อการทดสอบอาจต่ำกว่าแบบกระดาษ
• มีระบบบันทึกข้อมูลดิจิทัล ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในด้านการเก็บบันทึกเอกสารแบบกระดาษ
3. จุดคุ้มทุน (Break-even Point)
การคำนวณจุดคุ้มทุนจะขึ้นอยู่กับ
1. จำนวนรอบการทดสอบต่อวัน/เดือน/ปี
2. ราคาต่อหน่วยของเทสต์แพ็กกระดาษ
3. ต้นทุนการลงทุนในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
4. ต้นทุนการซ่อมบำรุงและการ Calibration
โดยทั่วไป
• หาก จำนวนการทดสอบ (cycles) ต่อเดือนสูง (เช่น โรงพยาบาลหรือศูนย์ผ่าตัดขนาดใหญ่ที่นึ่งหลายครั้งต่อวัน) การลงทุนในระบบอิเล็กทรอนิกส์จะสามารถคืนทุนได้เร็วขึ้น เพราะลดการสั่งซื้อเทสต์แพ็กกระดาษบ่อย ๆ
• หาก จำนวนการทดสอบต่อเดือนต่ำ (เช่น คลินิกขนาดเล็ก นึ่งวันละครั้งหรือสองครั้ง) แบบกระดาษอาจคุ้มค่ากว่าในระยะสั้น เพราะไม่ต้องลงทุนเครื่องมือแพง ๆ
ตัวอย่างการประเมินสมมติ:
• หากต้องทดสอบ Bowie-Dick วันละ 1 ครั้ง (30 ครั้ง/เดือน) ราคาเทสต์แพ็กสมมติ 80-120 บาท/ครั้ง = 2,400-3,600 บาท/เดือน
• ปีหนึ่งประมาณ 28,800 - 43,200 บาท เฉพาะค่าวัสดุกระดาษ
• หาก WISCAN electronic Bowie-Dick มีราคาเริ่มต้นหลักแสน แต่เมื่อนำมาหารเฉลี่ยหลายปี (บวกค่าบำรุงรักษาบางส่วน) อาจคุ้มกว่าเมื่อใช้ไป 2-3 ปีขึ้นไป (ตัวเลขอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับแบรนด์ ราคา และเงื่อนไขบริการ)
4. ข้อดี-ข้อด้อยด้านการใช้งาน
Bowie-Dick แบบกระดาษ
ข้อดี:
• ใช้งานง่าย, ต้นทุนเริ่มต้นต่ำ
• มีมาตรฐานและได้รับการยอมรับทั่วไป
ข้อด้อย:
• ต้องสั่งซื้อแยกเรื่อย ๆ
• มีขยะเพิ่มขึ้นจากการใช้กระดาษ
• การบันทึกผลอาจต้องทำด้วยมือ อาจเกิดความผิดพลาดหรือสูญหาย
WISCAN electronic Bowie-Dick
ข้อดี:
• ระบบอัตโนมัติ มีการบันทึกผลแบบดิจิทัล เชื่อถือได้ ลดความผิดพลาดจากคน
• ไม่มีค่าใช้จ่ายซื้อแผ่นทดสอบทุกครั้ง
• วิเคราะห์ผลและจัดเก็บข้อมูลเพื่ออ้างอิงย้อนหลังได้ง่าย
ข้อด้อย:
• ต้นทุนเริ่มต้นสูง
• ต้องการบุคลากรที่ได้รับการฝึกอบรมใช้งาน
• ต้องดูแลรักษาและสอบเทียบ (Calibration) ตามกำหนด
5. สรุป: ในระยะยาวแบบไหนน่าใช้กว่ากัน
• หากหน่วยงาน มีปริมาณการทดสอบสูง (High Volume) และต้องการ ความสะดวกในการเก็บข้อมูล เพื่อการตรวจสอบย้อนกลับ และลดค่าใช้จ่ายในการซื้อเทสต์กระดาษต่อเนื่อง การลงทุนใน WISCAN electronic Bowie-Dick จะคุ้มทุนในระยะยาวและมีประสิทธิภาพสูงกว่ามาก
• หากหน่วยงาน มีงบประมาณจำกัดหรือปริมาณการใช้งานต่อวันค่อนข้างน้อย อาจยังเหมาะสมที่จะใช้ Bowie-Dick แบบกระดาษ เพราะต้นทุนเริ่มต้นต่ำและไม่ต้องดูแลอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มเติม
ท้ายที่สุด ควรประเมินจาก ปริมาณการทดสอบ, งบประมาณ, และ ความต้องการด้านระบบบริหารจัดการข้อมูล ของหน่วยงานเป็นหลัก เพราะจุดคุ้มทุนของระบบอิเล็กทรอนิกส์จะขึ้นอยู่กับการใช้งานอย่างต่อเนื่อง และจำนวนรอบของการทดสอบเป็นสำคัญนั่นเอง.