คุณสมบัติของน้ำ (Water Quality) (ตอนที่ 2) ความแตกต่างระหว่างค่าน้ำ TDS และ ค่า Hardness

ค่า TDS & Hardness water

ต่อคำถามที่ว่า การวัดค่า TDS ของน้ำสามารถใช้เป็นค่าบอกความกระด้าง (Hardness) หรือบอกความเป็น น้ำอ่อน Soft water ได้หรือไม่

ค้นคว้าเรียบเรียง: สุวิทย์ แว่นเกตุ

ในหน่วยจ่ายกลางปัญหาอย่างหนึ่งที่มีความสำคัญ และสร้างผลกระทบแบบคาดไม่ถึงก็คือการใช้น้ำที่มีคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน

เนื่องจากกระบวนการล้างทำความสะอาดและทำให้ปราศจากเชื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ต้องใช้น้ำที่มีคุณภาพตามที่กำหนด เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประสิทธิภาพในการล้างทำความสะอาดที่ลดลง คุณภาพของไอน้ำหรือ Steam quality ที่ไม่ได้ตามมาตรฐาน

เหล่านี้สามารถส่งผลกระทบถึงคุณภาพในการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยและอาจรวมถึงการสร้างความชำรุดเสียหายของเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ลองมาดูกันว่าเราวัดค่า TDS กันทำไม


[ภาพ: คุณสมบัติของน้ำสำหรับการใช้งาน ในการล้างทำความสะอาดและฆ่าเชื้อเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ [1]]


ค่า TDS

คือ การวัดค่าปริมาณของแข็งที่ละลายได้ทั้งหมดในน้ำ ย่อมาจาก Total dissolved solids

หมายถึงปริมาณของแข็งที่ละลายได้ทั้งหมดซึ่งคือการวัดปริมาณรวมที่ละลายของสารอนินทรีย์และอินทรีย์ทั้งหมดที่อยู่ในของเหลวในรูปแบบแขวนลอยแบบโมเลกุล แตกตัวเป็นไอออน 

ค่า TDS แสดงค่าการวัดค่าเป็น หน่วยส่วนในล้านส่วน หรือ ppm

ค่า TDS ประกอบไปด้วย

  1. แร่ธาตุ ได้แก่ แคลเซียม, แมกนีเซียม, โพแทสเซียม,โซเดียม
  2. เกลือ ได้แก่ คลอไรด์, ซัลเฟต, ไบคาร์บอเนต
  3. โลหะ ได้แก่ เหล็ก, ทองแดง, สังกะสี, ตะกั่ว
  4. สารอินทรีย์ ได้แก่ สาหร่าย, แบคทีเรีย, วัสดุจากพืช

โดยมีค่าเกณฑ์ในการวัดคือ

เกณฑ์ค่า TDS

  • < 50-200 ppm (ต่ำ) : ไม่มีแร่ธาตุหลงเหลืออยู่มากนัก
  •  200-250 ppm (เหมาะสม) : มีแร่ธาตุ
  •  300-900 ppm (ไม่ดี) :  มีแร่ธาตุมาก
  • >1,000 (แย่) : ไม่ปลอดภัย
ดังนั้นสิ่งที่สะท้อนค่าของ TDS ออกมาคือ ค่าคุณภาพของน้ำที่บอกว่า ปริมาณของแข็งที่ละลายได้ทั้งหมดในน้ำมีอยู่ในระดับไหน แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นน้ำอ่อนหรือน้ำกระด้าง (Soft or Hardness water)

ส่วนการวัดค่าที่จะสะท้อนค่าความกระด้างของน้ำ Hardness water จะต้องทำการวัดโดย การวัดค่าผลรวมของความเข้มข้นของของ Ca2+ และ Mg2+ ในหน่วย mol/L หรือ mmol/L ที่เจือปนหรือผสมอยู่ในน้ำ


ค่า Hardness

ค่า Hardness หรือค่าความกระด้างของน้ำ การวัดความกระด้างของน้ํา สามารถวัดความกระด้างของน้ำได้โดยการวิเคราะห์ด้วยเครื่องมือวัดความกระด้างของน้ำทั้งหมดเป็นผลรวมของความเข้มข้นของของ Ca2+ และ Mg2+ ในหน่วย mol/L หรือ mmol/L ค่าความกระด้างของน้ำมักจะวัดเฉพาะความเข้มข้นรวมของแคลเซียมและแมกนีเซียม

ความกระด้างของน้ำสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท

  1. ความกระด้างชั่วคราว ส่วนใหญ่เป็นสารประกอบไบคาร์บอเนต (HCO3- ) ของแคลเซี่ยม (Ca2+ ) และแมกนีเซียม (Mg2+) สามารถกำจัดได้โดยการต้ม ความกระด้างจะเกิดเป็นตะกรันเกาะตามผิวภาชนะ
  2. ความกระด้างถาวร เป็นสารประกอบซัลเฟต (SO42- ) หรือ คลอไรด์ (Cl- ) ไม่ตกตะกอนเมื่อได้รับความร้อน การกำจัดความกระด้างประเภทนี้ต้องใช้วิธีทางเคมี


เกณฑ์ค่า Harness (ความกระด้างของน้ำ)

ปริมาณความกระด้างของน้ำ (mg/l as CaCO3 )
  • 0-75         (น้ำอ่อน)
  • 75-150     (น้ำค่อนข้างกระด้าง)
  • 150-300  (น้ำกระด้าง)
  • 300          (น้ำกระด้างมากมากกว่า)

โดยสรุป

การวัดค่า TDS (Total dissolved solids) ค่าคุณภาพของน้ำที่บอกว่า ปริมาณของแข็งที่ละลายได้ทั้งหมดในน้ำมีอยู่ในระดับไหน แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นน้ำอ่อนหรือน้ำกระด้าง (Soft or Hardness water) แต่ถ้าต้องการวัดค่าความกระด้างของน้ำ (Hardness water) เพื่องบ่งบอกว่าเป็นน้ำอ่อนเหมาะสมต่อการนำไปใช้งานหรือไม่ ต้องใช้การวัดค่าความกระด้าง ซึ่งจะวัดผลรวมของความเข้มข้นของของ Ca2+ และ Mg2+ ในหน่วย mol/L หรือ mmol/L เพื่อสะท้อนบอกค่าความกระด้างของน้ำ

...............................................................................................


ดูข้อมูลเพิ่มเติมใน: Youtube@SuvitChannelOne

อ้างอิง:

  1. 2014 Association for the Advancement of Medical Instrumentation ■ AAMI TIR34:2014


Our partner

[Angelicteam – Design Healthcare Solutions โซลูชันด้านสุขภาพ – นิยามใหม่ของความเป็นเลิศด้านงานปลอดเชื้อ]



                                               


◉ ดูข้อมูลเพิ่มเติม ตามหมวดหมู่เนื้อหา >>

แสดงเพิ่มเติม